ตลาดหุ้น ณ.ปัจจุบัน (เมษายน 2554) ผันผวนมากมาย แต่ดูจากแนวโน้มแล้วนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น "ขาขึ้น" การทำกำไรจาการซื้อขายในช่วงขาขึ้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจสะดุดขาล้มไม่เป็นท่าเอาง่ายๆ เช่นกัน..
สมัยก่อนนักลงทุนในตลาด ไม่มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลมากมายจากหลายแหล่งเหมือนกันทุกวันนี้ และพฤติกรรมการลงทุนก็มักจะแห่ตามกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กระแสตลาด" ที่จะเป็นตัวชี้นำนักลงทุนเหมือนเป็นทางสายหลักของทุกคน
ในปัจจุบันทางสายหลักอาจไม่อยู่ในสายตาของนักลงทุนทุกคนอีกต่อไป โดยพฤติกรรมการลงทุนก็มีมิติหลายหลากมากมายขึ้นกว่าในอดีต จากการสังเกตคร่าวๆ ก็พอจะสรุปรูปแบบการลงทุนได้ 3 ประเภท ได้แก่
1. นักลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือที่เรียกกันติดปากว่าแนว VI (Value Investor) นักลงทุนประเภทนี้เมื่อซื้อวันนี้ อาจจะขายปีหน้า หรืออีกสามปีข้างหน้า หรืออาจนานกว่านั้น ถ้าเราไม่สามารถทำแบบนี้ได้ก็ถือว่าเราไม่ใช่นักลงทุนประเภทนี้
2. นักลงทุนตามกระแสหลัก นักลงทุนกลุ่มนี้จะเน้นหุ้นตัวใหญ่มีปริมาณการซื้อขายเยอะๆ และจะแห่ซื้อตามจ้าวใหญ่ๆ (Fund Flow) เมื่อราคาของหุ้นขึ้นถึงจุดที่คิดว่าสูงที่สุดก็จะเทขายทำกำไร
3. เม่าน้อยกลอยใจ นักลงทุนกลุ่มนี้มีการลงทุนที่ไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ชอบลงทุนในหุ้นตัวเล็ก ที่มีเรื่องราว เมื่อรับข่าวสารเต็มที่ก็จะเข้าถือโดยคาดหวังว่าราคาจะขึ้นไปอีก และจะเทขายทันทีที่ราคาขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาไม่นาน บางรายซื้อขายภายในวันเดียว (Day Trade)
จะเห็นได้ว่าเพียงแค่ 3 กลุ่มนี้รูปแบบการลงทุนก็แตกต่างกันพอสมควรทีเดียว ต่างฝ่ายต่างลงทุนในรูปแบบที่ตนคิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง และมีหลักเกณฑ์ของตนเอง
การคาดเดาทิศทางของตลาดในปัจจุบันจึงไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป ส่วนทิศทางโดยรวมจะเป็นอย่างไรนั้น คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เราลงทุนด้วยความไม่ประมาท ถ้าเรารู้จังหวะดีพอ ความสำเร็จก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน..
"จำไว้ว่าถ้าเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็ตาม คนที่รู้จักทรัพย์สินนั้นมากกว่าเราก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นที่จะขายทรัพย์สินนั้นให้กับเราเหมือนกัน"
สมัยก่อนนักลงทุนในตลาด ไม่มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลมากมายจากหลายแหล่งเหมือนกันทุกวันนี้ และพฤติกรรมการลงทุนก็มักจะแห่ตามกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กระแสตลาด" ที่จะเป็นตัวชี้นำนักลงทุนเหมือนเป็นทางสายหลักของทุกคน
ในปัจจุบันทางสายหลักอาจไม่อยู่ในสายตาของนักลงทุนทุกคนอีกต่อไป โดยพฤติกรรมการลงทุนก็มีมิติหลายหลากมากมายขึ้นกว่าในอดีต จากการสังเกตคร่าวๆ ก็พอจะสรุปรูปแบบการลงทุนได้ 3 ประเภท ได้แก่
1. นักลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือที่เรียกกันติดปากว่าแนว VI (Value Investor) นักลงทุนประเภทนี้เมื่อซื้อวันนี้ อาจจะขายปีหน้า หรืออีกสามปีข้างหน้า หรืออาจนานกว่านั้น ถ้าเราไม่สามารถทำแบบนี้ได้ก็ถือว่าเราไม่ใช่นักลงทุนประเภทนี้
2. นักลงทุนตามกระแสหลัก นักลงทุนกลุ่มนี้จะเน้นหุ้นตัวใหญ่มีปริมาณการซื้อขายเยอะๆ และจะแห่ซื้อตามจ้าวใหญ่ๆ (Fund Flow) เมื่อราคาของหุ้นขึ้นถึงจุดที่คิดว่าสูงที่สุดก็จะเทขายทำกำไร
3. เม่าน้อยกลอยใจ นักลงทุนกลุ่มนี้มีการลงทุนที่ไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ชอบลงทุนในหุ้นตัวเล็ก ที่มีเรื่องราว เมื่อรับข่าวสารเต็มที่ก็จะเข้าถือโดยคาดหวังว่าราคาจะขึ้นไปอีก และจะเทขายทันทีที่ราคาขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาไม่นาน บางรายซื้อขายภายในวันเดียว (Day Trade)
จะเห็นได้ว่าเพียงแค่ 3 กลุ่มนี้รูปแบบการลงทุนก็แตกต่างกันพอสมควรทีเดียว ต่างฝ่ายต่างลงทุนในรูปแบบที่ตนคิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง และมีหลักเกณฑ์ของตนเอง
การคาดเดาทิศทางของตลาดในปัจจุบันจึงไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป ส่วนทิศทางโดยรวมจะเป็นอย่างไรนั้น คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เราลงทุนด้วยความไม่ประมาท ถ้าเรารู้จังหวะดีพอ ความสำเร็จก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน..
"จำไว้ว่าถ้าเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็ตาม คนที่รู้จักทรัพย์สินนั้นมากกว่าเราก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นที่จะขายทรัพย์สินนั้นให้กับเราเหมือนกัน"
กระเป๋าผ้าทำมือ กับไอเดียแห่งความสุข คลิ๊กที่นี่!!
No comments:
Post a Comment