Popular Posts

Friday, February 10, 2012

ข้อคิดเห็นหุ้น TOG

TOG















TOG


บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เดิมใช้ชื่อว่าบริษัท ไทยโปลีเมอร์เลนส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2534 เริ่มต้นทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยกลุ่มตระกูลประจักษ์ธรรม เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อขยายสายงานการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก จากเดิมที่กลุ่มตระกูลประจักษ์ธรรม มีธุรกิจผลิตเลนส์สายตากระจก ซึ่งดำเนินธุรกิจในนามบริษัท อุตสาหกรรมแว่นตาไทย จำกัด (TOC) มานานกว่า 47 ปี บริษัทฯ ทำการผลิตและจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่ 15/5 หมู่ที่ 6 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี บนเนื้อที่ประมาณ 26 ไร่ สำหรับ TOC ประกอบด้วยโรงงาน 2 แห่ง แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ ถนนงามวงศ์วาน เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เพื่อผลิตแม่แบบแก้วและเลนส์สายตากระจก อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี เนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ เพื่อผลิตเลนส์สายตาพลาสติกและเลนส์สั่งฝนพิเศษบริษัท และบริษัทย่อยจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ค้าส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยผลิตตามคำสั่งซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า (“OEM” หรือOriginal Equipment Manufacturer)และจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ เอง คือ “Excelite™”

ผลิตเลนส์พลาสติกธรรมดาในสัดส่วนกว่า 50% นอกนั้นเป็นเลนส์สั่งทำพิเศษ และเลนส์กระจกที่มีราคาสูงกว่าเลนส์ทั่วไปครับ
ดูงบการเงินคร่าวๆ ก็ค่อนข้างใช้ได้นะครับ แต่ ROE กับ ROA ต่ำไปหน่อยครับ และอัตราการทำกำไรก็ไม่มากเท่าไหร่ กำไรต่อหุ้นน้อย แต่ปันผลดีมากครับ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อหุ้น 0.34 บาทต่อหุ้น หนี้สินต่ำ เข้าใจว่าเทคโนโลยีการผลิตเลนส์คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก ทำให้ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มมากจึงไม่ต้องกู้เงินมาลงทุน (ลองเช็คข้อมูลดูนะครับ)

ปัจจัยความเสี่ยง ก็คือแว่นตาที่อาจถูกทดแทนด้วยคอนเท็คเลนส์ และการผ่าตัดสายตาให้ปกติ ซึ่งไม่ต้องใช้แว่นตาอีกต่อไป โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตเลนส์สายตาในประเทศไทย เป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งนอกเหนือจากการแข่งขันกับผู้ผลิตในประเทศแล้ว ยังต้องแข่งขันกับผู้ผลิตอื่นๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเลนส์สายตาธรรมดาที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน จากประเทศจีนที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเริ่มที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง

ความเสี่ยงในด้านราคา และการจัดหาวัตถุดิบ บริษัท และบริษัทย่อย ทำการซื้อวัตถุดิบหลักจากผู้ผลิต กระจก Monomer พลาสติก และเคมีภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตจากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในต่างประเทศในแต่ละประเภทวัตถุดิบเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะในส่วนของ Monomer พลาสติก ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของต้นทุนวัตถุดิบ และเป็นประมาณร้อยละ 40 ของต้นทุนการผลิตรวมของบริษัทและบริษัทย่อยนั้น Monomer พลาสติกที่ใช้ในการผลิตเลนส์พลาสติกในแต่ละประเภท จะเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของผู้ผลิตรายนั้นๆ ดังนั้น Monomer พลาสติกสำหรับเลนส์แต่ละประเภทจะต้องซื้อจากผู้ผลิต Monomer พลาสติกผู้มีลิขสิทธิ์ดังกล่าวเพียงรายเดียว ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตวัตถุดิบ

ข้อสรุป ... ผมคิดว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจในระดับหนึ่งครับ ถ้าจะซื้อสะสมไว้กินเงินปันผลก็ไม่เลวครับ แต่คงไม่ได้หวังว่าจะเติบโตหวือหวา นอกจากบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงการผลิตนวตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับการดูแลรักษาสายตา หรืออุปกรณ์ที่ใช้กับสายตาครับ แต่ตลาดสายตาสำหรับผู้สูงอายุก็ดูน่าสนใจเพราะในอนาคตผู้สูงอายุจะมากขึ้นเรื่อยๆ ครับผม

เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัว ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำถามครับ

(นายแว่นธรรมดา)

แวะทักทายนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับผม..
http://www.facebook.com/NaiwaenTammada

หุ้นเติบโต (ตอนจบ)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=greenpluss&month=02-2012&date=10&group=41&gblog=38

หนังสือ "50 กลยุทธ์รวยหุ้น ไม่เสี่ยง" และ "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือสำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้น.. โดยนายแว่นธรรมดา..


วางแผงแล้วในร้าน ซีเอ็ด นายอินทร์ และ บีทูเอส ทุกสาขา ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ




2 comments:

  1. เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม “ถือ”) หลังจากเข้าพบผู้บริหารวานนี้เราพบว่าผลประกอบการปี 2555 ของบริษัทมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างโดดเด่น คาดจะพลิกจากขาดทุน 42 ล้านบาท เป็นกำไร 124 ล้านบาท โดยผลประกอบการจะฟื้นตัวตั้งแต่ Q1/55 จากที่ปลายปี ก่อนโรงงานของบริษัท 2 แห่งจาก 3 แห่งถูกน้ำท่วม เรามอง TOG เป็นหุ้น Turnaround ที่น่าสนใจ ระดับราคาหุ้นยังไม่ฟื้นตัวและต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 3.80 บาท

    Q4/54 ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหนัก คาดทำให้ผลประกอบการทั้งปี 54 ขาดทุน
    วานนี้ (9 ก.พ.) เราได้เข้าพบผู้บริหาร TOG เพื่อติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูโรงงานจากภาวะน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว เราประเมินว่า Q4/54 บริษัทอาจมีผลขาดทุนกว่า 79 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการรวมทั้งปี 2554 ของบริษัทพลิกเป็นขาดทุน 42 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานของบริษัท 2 แห่งจาก 3 แห่งได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม มูลค่าความเสียหายดังกล่าวอาจเรียกคืนได้จากบริษัทประกัน) และโรงงานทั้ง 2 แห่งต้องหยุดผลิตสินค้าเป็นระยะเวลากว่า 1-2 เดือน ก่อนที่จะกลับมาเริ่มผลิตได้อีกครั้งตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. 54

    ทั้งนี้ เราคาดว่าบริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลในงวด 2H54 เนื่องจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นใน Q4/54 อย่างไรก็ตาม คาด Q1/55 พลิกกลับเป็นกำไรทันที คาดปี 55 กำไร 124 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าผลประกอบการของบริษัทจะพลิกกลับมาเป็นกำไรทันทีใน Q1/55และอาจดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรราว 19 ล้านบาท เนื่องจากมี Order บางส่วนที่เลื่อนการส่งมอบมาจากช่วงน้ำท่วมทำให้ยอดขายของบริษัทสูงเป็นพิเศษใน Q1/55 ประกอบกับมีแนวโน้มว่าบริษัทจะได้ Order จากลูกค้าเพิ่มขึ้นหลังปรับลดราคาขายลงให้สามารถแข่งขันกับตลาดได้ เราคาดปี
    2555 บริษัทจะมีรายได้รวม 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน กำไร 124 ล้านบาท และคาดเงินปันผลจ่ายงวดปี 2555 เท่ากับ 0.21 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 7.5%

    มองเป็นหุ้น Turnaround ผลงานมีแนวโน้มฟื้นโดดเด่นแต่ราคาหุ้นยังไม่ฟื้น
    เรามอง TOG เป็นหุ้น Turnaround ที่น่าสนใจ คาดผลประกอบการจะทำจุดต่ำสุดใน Q4/54 ก่อนที่จะฟื้นตัวทันทีใน Q1/55 นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีผลประกอบการดีกว่าที่เราคาด โดยผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายปี 2555 สูงถึง 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 40% YoY ขณะที่เมื่อพิจารณาที่ราคาหุ้น TOG นั้นยังไม่ฟื้นตัวมากนัก มี Up-side Gain 36% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมที่เราประเมินเท่ากับ 3.80 บาท (DCF, WACC 10.7%) และยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น 2554F ที่ 3.23 บาท เราจึงเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม “ถือ”)

    ReplyDelete
  2. Point by point and engaging articles written in this blog is truly extremely accommodating for me and for other who looking for such sort of information. It is certainly going to wind up plainly valuable in coming future. essilor เลนส์

    ReplyDelete

Mini MP4 Click here !!!

Garden Plus