----- รักแท้ของวอร์เรน -----
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
ภรรยาคนแรกของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ ซูซาน ธอมป์สัน บัฟเฟตต์ หรือ “ซูซี่” เธอเป็นสุภาพสตรีคนเดียวที่วอร์เรนรักและนับถือ เป็นผู้หญิงที่เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา ซูซี่ เสียชีวิตลงในปี 2004 ขณะอายุได้ 72 ปี ซึ่งทำให้วอร์เรนเศร้าโศกเสียใจมาก
ทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี เมื่อใดก็ตามที่มีคนถามถึงอดีตภรรยาผู้เป็นที่รัก เขาจะร้องไห้ทุกครั้ง วอร์เรนบอกว่าการตายของเธอเป็นสิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของเขา เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่มีวันลืมได้ลง
ซูซี่รู้จักกับวอร์เรนในปี 1950 โดยเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเบอร์ตี้ น้องสาวของวอร์เรน ก่อนที่ทั้งคู่จะพบรักและแต่งงานกันสองปีหลังจากนั้น
อย่างที่ได้บอกแล้วว่า วอร์เรนเป็นคนเนิร์ดๆ เป็นผู้ชายที่สนใจแต่เรื่องการลงทุน ชอบแต่เรื่องของตัวเลข ไม่ค่อยดูแลตัวเอง จนเมื่อซูซี่ก้าวเข้ามาในชีวิต เธอได้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา ทั้งเรื่องการแต่งตัว เรื่องบ้าน และเลี้ยงลูกทั้งสามคน คือ ซูซี่จูเนียร์ โฮเวิร์ด และปีเตอร์ จนเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี
แม้แต่ “เลล่า” แม่ของวอร์เรน ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้าย ก็ถูกซูซี่จัดการเสียอยู่หมัด ทำให้วอร์เรนมุ่งเน้นความสนใจของเขาไปในการ “การลงทุน” ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเสียสมาธิกับสิ่งรบกวนรอบตัว สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ สร้างความมั่งคั่งได้มากมายมหาศาล
วอร์เรนบอกว่า “ซูซี่ทำให้ชีวิตผมเข้าที่เข้าทาง”
ปัญหาก็คือ โลกของวอร์เรนกับซูซี่จะเป็นคนละโลกกัน ซูซี่เป็นคนชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือสังคม เป็นนักสิทธิมนุษยชนตัวยงคนหนึ่ง ชอบศึกษาประวัติศาสตร์และสนใจศิลปะอย่างลึกซึ้ง ส่วนวอร์เรนไม่ทำอย่างอื่นเลย นอกจากนั่งอยู่ในห้องที่บ้าน และ “หาหุ้น” อย่างเดียวเท่านั้น
แม้ซูซี่จะพยายามเปิดโลกใหม่ๆ ให้กับสามี โดยบอกวอร์เรนว่า “ในโลกนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ ไม่ใช่แค่นั่งหาเงินอยู่ในห้อง” แต่ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเขาได้ยาก จนทั้งสองเริ่มจะ “จูน” กันไม่ติด เพราะต่างคนต่างมีความปรารถนาของตัวเอง มีโลกที่ต้องแสวงหา
ด้วยความแตกต่างกันอย่างมากนี้ ทำให้ในที่สุด ซูซี่จำต้องขอแยกทางเดินกับวอร์เรน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่ดี มีความห่วงใย ให้กัน
ที่น่าแปลกคือ เชื่อไหมครับว่าก่อนจะหย่าร้างกัน ซูซี่ถึงขนาดพา “เอสทริด เมิงส์” เพื่อนของเธอมาแนะนำให้วอร์เรนรู้จัก โดยขอให้เอสทริดอยู่ร่วมชายคา ทำหน้าที่เสมือนภรรยาคนใหม่ ช่วยดูแลอดีตสามีแทนเธอด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่หลายคนมองว่า “ใจกว้าง” จนไม่น่าเชื่อ และทั้งสามก็ยังคงติดต่อกันด้วยความรักและผูกพันตลอดมา
แต่แล้ว เหมือนโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้ง ในปี 2003 ซูซี่ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งในช่องปาก และป่วยหนักอยู่หนึ่งปีเต็ม ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อปี 2004 โดยวอร์เรนดูแลเธออยู่ข้างเตียงแทบจะทุกนาที ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
เรื่องราวความรักของวอร์เรนและซูซี่ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดที่ว่า “เบื้องหลังผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ มีผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่” อันเป็นคำกล่าวที่เป็นความจริงอยู่เสมอ
วอร์เรน บอกว่า เขาจะไม่มีวันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในวันนี้ ถ้าไม่มีซูซี่ ความรักของทั้งคู่ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ใช่เส้นทางที่ราบเรียบ ทั้งคู่สร้างครอบครัวขึ้นมาจากความ “แตกต่าง” อย่างสุดขั้ว แม้ในที่สุดจะต้องแยกทางกันเดิน แต่พวกเขาก็ยังคง “รัก” กัน
จะมีผู้ชายคนไหนเล่า ที่แม้จะมีเงินล้นฟ้า แต่ยังคิดถึงภรรยาเก่าทุกเช้าค่ำเป็นเวลาหลายสิบปี แม้เธอตายไปแล้วก็ยังน้ำตานองหน้าทุกครั้งเมื่อมีใครถามถึง
จะมีผู้หญิงคนไหนเล่า ที่เป็นคนขอแยกทางกับสามีผู้เป็นอภิมหาเศรษฐี แต่กลับอุตส่าห์หาผู้หญิงคนใหม่มาดูแลเขา เพราะกลัวเขาจะลำบาก โดยไม่ห่วงเลยว่าทรัพย์สินมหาศาลของผู้เป็นสามีจะถูกแบ่งสรรปันส่วนไป
ชีวิตรักของวอร์เรนและซูซี่ ไม่ได้สวยงามเพียบพร้อมดุจนิยาย แต่เป็นความรักที่แท้จริง ประจักษ์แก่สายตา ไม่ต้องสร้างภาพ ความรักอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่มันจะเติบโตขึ้นได้ ย่อมต้องผ่านการเดินทางร่วมกัน ต่อสู้ฝ่าฟันผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ด้วยกันตามกาลเวลา
ตรงกันข้ามกับความรักที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ “เงิน” ย่อมพร้อมจะหายไปพร้อมๆ กับ “เงิน” เช่นเดียวกัน
เรื่องของปู่บัฟฟ์นี่ ไม่ใช่เฉพาะการลงทุน แม้แต่ความรักก็ยังน่าศึกษา น่านับถือ และสมควรเอาเป็นแบบอย่างจริงๆ ครับ
-------------------------------------------------------
เครดิต http://www.clubvi.com/2012/02/04/warrenslove/
แวะทักทายนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ..
http://www.facebook.com/NaiwaenTammada
หนังสือ "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" สำหรับมือใหม่อยากเล่นหุ้นแนว VI ไม่เสี่ยง โดยนายแว่นธรรมดา..
วางแผงแล้วในร้าน ซีเอ็ด นายอินทร์ และ บีทูเอส ทุกสาขา ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ..
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
ภรรยาคนแรกของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ ซูซาน ธอมป์สัน บัฟเฟตต์ หรือ “ซูซี่” เธอเป็นสุภาพสตรีคนเดียวที่วอร์เรนรักและนับถือ เป็นผู้หญิงที่เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา ซูซี่ เสียชีวิตลงในปี 2004 ขณะอายุได้ 72 ปี ซึ่งทำให้วอร์เรนเศร้าโศกเสียใจมาก
ทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี เมื่อใดก็ตามที่มีคนถามถึงอดีตภรรยาผู้เป็นที่รัก เขาจะร้องไห้ทุกครั้ง วอร์เรนบอกว่าการตายของเธอเป็นสิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของเขา เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่มีวันลืมได้ลง
ซูซี่รู้จักกับวอร์เรนในปี 1950 โดยเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเบอร์ตี้ น้องสาวของวอร์เรน ก่อนที่ทั้งคู่จะพบรักและแต่งงานกันสองปีหลังจากนั้น
อย่างที่ได้บอกแล้วว่า วอร์เรนเป็นคนเนิร์ดๆ เป็นผู้ชายที่สนใจแต่เรื่องการลงทุน ชอบแต่เรื่องของตัวเลข ไม่ค่อยดูแลตัวเอง จนเมื่อซูซี่ก้าวเข้ามาในชีวิต เธอได้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา ทั้งเรื่องการแต่งตัว เรื่องบ้าน และเลี้ยงลูกทั้งสามคน คือ ซูซี่จูเนียร์ โฮเวิร์ด และปีเตอร์ จนเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี
แม้แต่ “เลล่า” แม่ของวอร์เรน ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้าย ก็ถูกซูซี่จัดการเสียอยู่หมัด ทำให้วอร์เรนมุ่งเน้นความสนใจของเขาไปในการ “การลงทุน” ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเสียสมาธิกับสิ่งรบกวนรอบตัว สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ สร้างความมั่งคั่งได้มากมายมหาศาล
วอร์เรนบอกว่า “ซูซี่ทำให้ชีวิตผมเข้าที่เข้าทาง”
ปัญหาก็คือ โลกของวอร์เรนกับซูซี่จะเป็นคนละโลกกัน ซูซี่เป็นคนชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือสังคม เป็นนักสิทธิมนุษยชนตัวยงคนหนึ่ง ชอบศึกษาประวัติศาสตร์และสนใจศิลปะอย่างลึกซึ้ง ส่วนวอร์เรนไม่ทำอย่างอื่นเลย นอกจากนั่งอยู่ในห้องที่บ้าน และ “หาหุ้น” อย่างเดียวเท่านั้น
แม้ซูซี่จะพยายามเปิดโลกใหม่ๆ ให้กับสามี โดยบอกวอร์เรนว่า “ในโลกนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ ไม่ใช่แค่นั่งหาเงินอยู่ในห้อง” แต่ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเขาได้ยาก จนทั้งสองเริ่มจะ “จูน” กันไม่ติด เพราะต่างคนต่างมีความปรารถนาของตัวเอง มีโลกที่ต้องแสวงหา
ด้วยความแตกต่างกันอย่างมากนี้ ทำให้ในที่สุด ซูซี่จำต้องขอแยกทางเดินกับวอร์เรน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่ดี มีความห่วงใย ให้กัน
ที่น่าแปลกคือ เชื่อไหมครับว่าก่อนจะหย่าร้างกัน ซูซี่ถึงขนาดพา “เอสทริด เมิงส์” เพื่อนของเธอมาแนะนำให้วอร์เรนรู้จัก โดยขอให้เอสทริดอยู่ร่วมชายคา ทำหน้าที่เสมือนภรรยาคนใหม่ ช่วยดูแลอดีตสามีแทนเธอด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่หลายคนมองว่า “ใจกว้าง” จนไม่น่าเชื่อ และทั้งสามก็ยังคงติดต่อกันด้วยความรักและผูกพันตลอดมา
แต่แล้ว เหมือนโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้ง ในปี 2003 ซูซี่ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งในช่องปาก และป่วยหนักอยู่หนึ่งปีเต็ม ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อปี 2004 โดยวอร์เรนดูแลเธออยู่ข้างเตียงแทบจะทุกนาที ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
เรื่องราวความรักของวอร์เรนและซูซี่ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดที่ว่า “เบื้องหลังผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ มีผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่” อันเป็นคำกล่าวที่เป็นความจริงอยู่เสมอ
วอร์เรน บอกว่า เขาจะไม่มีวันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในวันนี้ ถ้าไม่มีซูซี่ ความรักของทั้งคู่ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ใช่เส้นทางที่ราบเรียบ ทั้งคู่สร้างครอบครัวขึ้นมาจากความ “แตกต่าง” อย่างสุดขั้ว แม้ในที่สุดจะต้องแยกทางกันเดิน แต่พวกเขาก็ยังคง “รัก” กัน
จะมีผู้ชายคนไหนเล่า ที่แม้จะมีเงินล้นฟ้า แต่ยังคิดถึงภรรยาเก่าทุกเช้าค่ำเป็นเวลาหลายสิบปี แม้เธอตายไปแล้วก็ยังน้ำตานองหน้าทุกครั้งเมื่อมีใครถามถึง
จะมีผู้หญิงคนไหนเล่า ที่เป็นคนขอแยกทางกับสามีผู้เป็นอภิมหาเศรษฐี แต่กลับอุตส่าห์หาผู้หญิงคนใหม่มาดูแลเขา เพราะกลัวเขาจะลำบาก โดยไม่ห่วงเลยว่าทรัพย์สินมหาศาลของผู้เป็นสามีจะถูกแบ่งสรรปันส่วนไป
ชีวิตรักของวอร์เรนและซูซี่ ไม่ได้สวยงามเพียบพร้อมดุจนิยาย แต่เป็นความรักที่แท้จริง ประจักษ์แก่สายตา ไม่ต้องสร้างภาพ ความรักอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่มันจะเติบโตขึ้นได้ ย่อมต้องผ่านการเดินทางร่วมกัน ต่อสู้ฝ่าฟันผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ด้วยกันตามกาลเวลา
ตรงกันข้ามกับความรักที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ “เงิน” ย่อมพร้อมจะหายไปพร้อมๆ กับ “เงิน” เช่นเดียวกัน
เรื่องของปู่บัฟฟ์นี่ ไม่ใช่เฉพาะการลงทุน แม้แต่ความรักก็ยังน่าศึกษา น่านับถือ และสมควรเอาเป็นแบบอย่างจริงๆ ครับ
-------------------------------------------------------
เครดิต http://www.clubvi.com/2012/02/04/warrenslove/
แวะทักทายนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ..
http://www.facebook.com/NaiwaenTammada
หนังสือ "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" สำหรับมือใหม่อยากเล่นหุ้นแนว VI ไม่เสี่ยง โดยนายแว่นธรรมดา..
วางแผงแล้วในร้าน ซีเอ็ด นายอินทร์ และ บีทูเอส ทุกสาขา ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ..
สุขสันต์วันแห่งความรักครับ
ReplyDelete